ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง รู้หรือไม่เกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย

หากพูดถึงอาการปวด เชื่อว่าเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ต่างเคยประสบด้วยตนเอง อาจจะมีอาการมากบ้าง น้อยบ้างแตกต่างกันไป และอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ก็คืออีกหนึ่งเหตุผลของความปวดที่อาจเกิดกับใครเมื่อใดก็ได้       

ความปวดที่แตกต่าง

อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง เกิดจากกล้ามเนื้อมีการเกร็งตัวสะสมจนเป็นก้อนอักเสบ ซึ่งการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง สามารถเกิดกับส่วนใดก็ได้ทั่วร่างกาย บ้างอาจรู้สึกปวดเป็นบางครั้งที่กดไปยังจุดที่มีอาการ หรือบางคนอาจปวดตลอดเวลา เรียกว่าหากมีอาการจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นหดสั้นลง จะทำให้มีการดึงรั้งอวัยวะโดยรอบให้มีการตึงมากขึ้น เช่น ดึงเส้นประสาทก็สามารถทำให้เกิดอาการชา หากมีการดึงรั้งของหลอดเลือดก็จะทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่พอ และกรณีที่มีการดึงรั้งกล้ามเนื้อรอบอวัยวะใด อวัยวะนั้นก็จะเริ่มทำงานผิดปกติจึงทำให้เกิดโรค ณ จุดที่มีพังผืดยึดเกาะตามมา

จุดสังเกตว่าปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง

สำหรับผู้ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง สามารถสังเกตได้โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดตั้งแต่ 6 สัปดาห์ ขึ้นไป จนถึง 3 เดือน ส่วนลักษณะอาการปวดจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ดังนี้  

  • ผู้ที่มีอาการปวดน้อย ๆ จุดที่ปวดมักจะยังไม่มีก้อน
  • ผู้ที่ปวดแบบรู้สึกรำคาญ ปวดแบบพอทนได้ กรณีนี้มักจะมีก้อนแต่สามารถสลายเองได้
  • ผู้ที่ปวดแบบทรมาน ไม่สบายตัว มักจะมีก้อนแข็ง ๆ และไม่สามารถสลายไปเอง

เมื่อใดที่มีอาการปวดเรื้อรัง พบก้อนแข็ง ๆ และรู้สึกว่าปวดจนกระทบกับการใช้ชีวิต นั่นก็เป็นจุดหนึ่งที่บอกว่าควรต้องพบแพทย์

การตรวจที่ลงลึกในทุกบริบท

การตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์และนักกายภาพบำบัดของกายคตา นอกจากตรวจร่างกาย ยังอาจมีตรวจเพิ่มเติมอื่น ๆ ในบางกรณี เช่น การเจาะเลือดเพื่อหาโรคที่ซ่อนอยู่ เอกซเรย์เพื่อดูความเสื่อมของเส้นเอ็น กระดูกและข้อ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการใช้ชีวิตควบคู่กัน ตั้งแต่ด้านโภชนาการ การใช้ชีวิตประจำวัน การออกกำลังกาย เพื่อให้สามารถรักษาแก้ไขทั้งปัญหากล้ามเนื้อและอวัยวะที่ถูกดึงรั้ง

โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง มักจะใช้ชีวิตในท่าทางซ้ำ ๆ ทานผักผลไม้น้อย ทานอาหารที่เป็นกรด เช่น อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไม่ออกกำลังกาย ไม่ค่อยโดนแสงแดด แทบจะไม่เคยยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างจริงจัง ใช้ชีวิตอยู่แต่ในออฟฟิศ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยของปัญหาการปวดกล้ามเนื้อรัง รวมทั้งจะทำให้มีการ สะสม ของอาการปวด และมีการแข็งตัวของกล้ามเนื้อสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเนื้อเป็นก้อนแข็ง นอกจากนี้ ความเครียดและการนอนไม่หลับ ยังส่งผลให้กล้ามเนื้อยิ่งหดเกร็ง มีอาการล้า ไม่ผ่อนคลาย ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งเป็นก้อนมากขึ้น

แนวทางการรักษากับกายคตา กายภาพบำบัด&การรักษาลงลึกถึงระดับเซลล์

  • การรักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shock Wave Therapy) ใช้คลื่นกระแทกเพื่อกระตุ้นบริเวณที่มีอาการ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดการอักเสบ
  • การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Peripheral Magnetic Stimulation :PMS) ช่วยลดอาการปวด ชา จากทั้งกล้ามเนื้อและเส้นประสาท เลือดไหลเวียนดีขึ้น กระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมแซมตนเอง
  • การใช้แสงเลเซอร์พลังงานสูง (High Power Laser) ช่วยรักษาอาการปวดเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ช่วยให้พังผืดคลายตัว ซึ่งการทำงานของแสงเลเซอร์กำลังสูงไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง

การรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัด แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการทำอย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล และนอกจากนี้บางรายอาจต้องรักษาเพิ่มเติมด้วยวิธีเหล่านี้ ได้แก่ 1. การฉีด (Prolotherapy) 2. การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นของตัวเอง PRP (Platelet Rich Plasma) 3. การฉีดสารเปปไทด์ชีวภาพ (Nucleic acid) และ 4. การใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ รวมไปถึงการดูแลด้านโภชนาการและเสริมวิตามิน

การรักษาทั้ง 4 วิธีที่กล่าวไปข้างต้น แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรใช้วิธีใดและควรรักษาในช่วงใด เพราะบางรายหากมีอาการปวดมากอาจฉีด Prolotherapy ก่อน จึงรักษาด้วยการทำกายภาพ หรือบางรายอาจรักษาหลังจากทำกายภาพบำบัดเรียบร้อยแล้ว

เทคนิคการดูแลตนเองเมื่อปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง

  • การออกกำลังกาย แบบยืดเหยียดกล้ามเนื้อและออกกำลังกาย
    • การยืดกล้ามเนื้อ หากอยู่ในระหว่างการทำกายภาพบำบัด แพทย์และนักกายภาพบำบัดจะแนะนำท่าทางที่เหมาะสม แต่ในกรณีที่หายแล้วหรือผู้ที่จะทำเพื่อการดูแลตนเอง สามารถเลือกท่าทางในการยืดเหยียดกล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่ดีกับตนเอง หรืออาจจะเลือกเล่นโยคะ หรือพีลาทิสก็เป็นแนวทางที่ดีเช่นเดียวกัน
    • การออกกำลังกาย สำหรับการออกกำลังกายที่เน้นให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวนั้น ไม่มีข้อกำหนดว่าจะเป็นกีฬาชนิดใด ขอเพียงเลือกที่ชอบและเหมาะสมกับร่างกายเป็นสำคัญเช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน
    • วิตามินเพื่อสุขภาพ การปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดขึ้น การที่กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง เรื่องโภชนาการก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้ที่กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงควรเสริมวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น วิตามินดี วิตามินเค แมกนีเซียม วิตามินซี และยังรวมไปถึงการเสริมเพื่อช่วยดูแลเรื่องกระดูก เช่น แคลเซียม คอลลาเจน โบรอน โดยการเสริมวิตามินดังที่กล่าวมานั้นควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เป็นหลัก
    • ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ สำหรับบุคคลทั่วไปที่แพทย์ไม่ได้จำกัดปริมาณน้ำ ควรดื่มน้ำในแต่ละวันไม่น้อยกว่า 2 ลิตร เพราะการที่ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นยืดหยุ่นได้ดี โอกาสที่เกิดพังผืดก็น้อยลง
    • อย่าเก็บไว้คนเดียว อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง บางครั้งไม่ใช่แค่ปัญหาสุขภาพทางร่างกายเท่านั้น แต่สามารถส่งผลกระทบไปถึงด้านจิตใจ และชีวิตการทำงาน ดังนั้น ควรพูดคุยปรึกษากับคนรอบข้างถึงแนวทางการผ่อนคลาย การรักษา เพราะหลายครั้งการได้รับคำแนะนำจากประสบการณ์ของคนรอบข้าง ก็อาจจะนำไปสู่เทคนิคในการผ่อนคลายที่ดี หรือได้ทราบแนวทางในการดูแลตัวเองที่เหมาะสมกับตนเองได้อีกด้วย

เมื่อใดที่เกิดปัญหาสุขภาพ เริ่มต้นจากตนเองที่คอยสังเกตอาการ ความผิดปกติต่าง ๆ พร้อมมองหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็พูดคุยกับคนใกล้ชิด เพื่อร่วมแบ่งปันเรื่องราวอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยลดภาวะความเครียด และความวิตกกังวลจากอาการป่วยที่เป็นได้เช่นเดียวกัน

 

...........................


บทความที่เกี่ยวข้อง
รองช้ำ เจ็บทุกทีที่เริ่มก้าวเดิน
รองช้ำ อาจไม่ใช่โรคร้ายแรงจนเป็นปัญหาสุขภาพที่น่ากลัว แต่ก็เล็กพริกขี้หนูไม่เบาทีเดียว เพราะคงใช้ชีวิตไม่มีความสุข...
นิ้วล็อก
พิมพ์งานมากจนนิ้วล็อก เล่นเกมหนักจนนิ้วล็อก สิ่งเหล่านี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของคนในปัจจุบัน.....
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy